เงินล้านสะพัด เมื่อ “ออเจ้าฟีเวอร์” เป็นกระแส

เงินล้านสะพัด เมื่อ “ออเจ้าฟีเวอร์” เป็นกระแส

          ช่วงนี้ไปไหนมาไหน มักได้ยินแต่คนพูดถึงละครบุพเพสันนิวาสหรือแม้แต้สรรพนามออเจ้าและคุณพี่หมื่นก็ถูกนำมาใช้กันเรียกขานกันอย่างสนุกสนาน เช่นเดียวกับ การแต่งกายด้วยชุดไทยของตัวละคร รวมถึงสถานที่ซึ่งถูกนำมาอ้างอิงในละคร ที่ทำให้เกิดกระแสความเป็นไทยหรือที่หลายคนเรียกว่ากระแสออเจ้าฟีเวอร์ในเวลานี้

          …เอ๊ะ! จู่ๆ ทำไมผู้เขียนถึงหยิบเอากระแสของละครมาบอกเล่าในคอลัมน์ แล้วกระแสนี้ จะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของการตลาด หรือธุรกิจ SMEs อย่างไรกัน? นี่คงเป็นคำถามที่ผู้อ่านหลายคนสงสัยอยู่เป็นแน่

          แน่นอนครับว่า ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องของตลาด และธุรกิจ SMEs อยู่แล้ว เพราะกระแส ออเจ้าฟีเวอร์ นี้ ไม่ได้มีอิทธิพลต่อผู้ชมละครทั่วทั้งประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงผู้คนทั่วทุกวงการ ที่รวมถึงธุรกิจค้าขาย และผู้ผลิตสินค้าอย่างมากด้วยเช่นกัน …”ออเจ้าฟีเวอร์เป็นกระแสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าที่หลายคนคาดคิดไว้ และกระแสนี้ ก็ช่วยปลุกความคิด และความรู้สึกของผู้คนในวงการธุรกิจให้มีชีวิตชีวาขึ้น จนเกิดเป็นกระแสที่น่าจับตามองยิ่งในเพลา (อ่าน เพลา = เวลา) นี้

          หนึ่งในกระแสที่น่าจับตามองก็คือ ธุรกิจ ตัดเช่า ชุดไทยโบราณ รวมถึง เครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สวยงาม ตามแบบไทยสมัยอยุธยา ที่วันนี้ถูกปลุกขึ้นให้ตื่นขึ้นมาตอบรับกับกระแสความต้องการของลูกค้าชายหญิง ทั้งคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ ที่ลุกขึ้นมาแต่งตัวกันเป็นธีม เป็นคอนเซ็ปต์ คล้ายๆ กัน จนทำให้ร้านตัดเช่า ชุดไทยโบราณ หาสินค้ามาให้ลูกค้ากันแทบไม่ทัน ….ไม่เพียงเท่านั้น การออกมาแต่งกายอวดโฉมด้วยชุดไทย ยังส่งผลดีให้กับธุรกิจการท่องเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งเป็นต้นแบบของฉากในละคร อย่าง พระนครศรีอยุธยา ก็พลอยได้รับผลดีกับกระแสออเจ้าฟีเวอร์ ในครั้งนี้ด้วย ธุรกิจร้านค้าของฝาก ร้านอาหาร วัด ศาสนสถาน โบราณสถาน และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในจังหวัดนี้ ก็ได้รับ ส้มหล่นเหมือนกัน เรียกได้ว่า เกิดการสะพัดของเงิน นับร้อยล้านบาท ทีเดียว ด้วยจำนวนของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดที่มากเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปีที่ผ่านมา

          การจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้ได้ลองลิ้มชิมอาหารตามแบบที่แม่การะเกดทำให้คุณพี่หมื่น รับประทานอย่าง กุ้งเผากับจิ้มรสแซ่บ หรือแม้แต่ มะม่วงน้ำปลาหวาน รวมถึงขนมหวาน ที่มีต้นตำรับมาจาก ท้าวทองกีบม้า ก็ขายดิบขายดี จนไม่พอเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว ด้วยเพราะนักท่องเที่ยวแต่ละคนเรียกว่า สั่งซื้อกันชนิดที่ไม่เกี่ยงราคากันเลย ราคาสูงแค่ไหน ฉันก็จะกิน ฉันก็จะซื้อเพื่อให้ตัวเองเข้าถึงกระแสความเป็นละครดัง นั่นเอง

          อีกธุรกิจหนึ่งในพระนครศรีอยุธยา ที่ดูคึกคักมากเป็นพิเศษไม่แพ้กันก็คือห้างสรรพสินค้าที่ผู้เขียนเป็นผู้บริหารอยู่ที่นี่ ก็ได้รับอานิสงส์กับกระแสละครเหมือนกัน ไม่ใช่แค่จะมีผู้คนแต่งกายชุดไทยมาเดินอวดสวยกันในห้างที่แอร์เย็นชื่นใจเท่านั้น แต่ยังมีอีเว้นท์ มากมายเกิดขึ้นตามกระแสออเจ้าฟีเวอร์ด้วย โดยที่อยุธยา ซิตี้พาร์ค แค่แม่จันทร์วาด (ปรางกัญญ์ณรัณ) มาร่วมงานอีเว้นท์ ห้างก็แทบจะไม่มีทางให้เดิน เพราะแน่นขนัดไปด้วยแฟนคลับ ที่มารอต้อนรับยิ่งอีเว้นท์ไหน ห้างไหน ได้ตัวละครเอก อย่าง แม่การะเกิด (เบลล่า ราณี) คุณพี่หมื่น (โป๊ป ธนวรรธน์) มาร่วมงานอีเว้นท์ด้วยแล้ว อาจทำให้ห้างแตกกันไปเลยก็ได้ เพราะแฟนคลับของสองพระนางคู่นี้ มีมากมายเหลือเกิน ซึ่งถือเป็นผลดีอย่างมากสำหรับห้าง เพราะไม่ใช่แค่จะมีแฟนคลับมาเที่ยวห้างมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังนำรายได้เข้ามาสู่ห้างอีกด้วย เรียกว่า พ่อค้าแม่ขาย และผู้ประกอบการภายในห้าง ต่างยิ้มหน้าบานกันเป็นทิวแถว …WIN ทั้งแฟนคลับ WIN ทั้งผู้ประกอบการ

          วันนี้ ออเจ้าฟีเวอร์จึงไม่ใช่แค่กระแสที่ทำให้ตัวละครเอกในเรื่องโด่งดัง และสร้างเงินสะพัดให้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ นักแสดง จากงานโฆษณาที่โถมเข้าหากันอย่างไม่ขาดสาย หรือแม้แต่ผู้จัด และช่องโทรทัศน์ที่ออกอากาศ ด้วยตัวเลขที่เข้ามาสูงเป็นตัวเลข 7-8 หลักเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจของประเทศ ที่หากนับรวมกันแล้วก็คงจะมากกว่า พันล้านบาท น่าจะได้นี่จึงอาจเป็นกระแสของละครย้อนยุค ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ซึ่งหากใครจับทิศจับทางได้ทันถึงความต้องการของตลาด และกระแสของกลุ่มผู้บริโภคยิ่งวันนี้ กระแสนิยมความเป็นไทย ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ประกอบกับเป็นช่วงที่เข้าสู่เทศกาล สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ไทย ด้วย ก็รับรองได้เลยว่า ผู้ประกอบการรายใดที่มองเห็นช่องทาง และลงมือทำก่อนใคร ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จ และ รวย รวย รวย ก่อนใครแน่นอน!

          งานนี้ ต้องขอขอบคุณแม่หญิงการะเกิดและคุณพี่หมื่น ในละครบุพเพสันนิวาส ที่มาช่วยปลุกกระแสความเป็นไทย และทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทย สะพัดอย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้งนี่ไม่ใช่การโหนกระแส แต่เรียกว่าใช้กระแสที่เกิดขึ้นให้เป็นประโยชน์ นะออเจ้า...