หนึ่งในข่าวแรง ที่กำลังส่งผลกระทบกับธุรกิจความงามในเวลานี้ คงจะหนีไม่พ้น ข่าวการบุกจับ และตรวจค้นบริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายเครื่องสำอางไร้คุณภาพ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมปลอม และนั่นก็ถือเป็นตัวการใหญ่ ทำลายความมั่นใจต่อกลุ่มผู้บริโภคหรือลูกค้าที่มีต่อธุรกิจความงามในวงกว้าง
เหตุผลที่ต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดถึงก็เพราะว่า ปัจจุบันธุรกิจความงาม กำลังเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของทุกคน ซึ่งวันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สตรีเพศเพียงเท่านั้น ทว่ายังขยายวงกว้างไปยังลูกค้ากลุ่มบุรุษ ตั้งแต่วัยละอ่อนที่เริ่มห่วงความหล่อไปจนถึงวัยผู้ใหญ่เหมือนกัน จึงอาจเรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในธุรกิจที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งในยุคดิจิตอลก็ว่าได้ และด้วยปัจจัยนี้เอง ก็ทำให้เกิดธุรกิจความงามผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด กอบโกยเงินทองเข้ากระเป๋ากันอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ด้วยรายได้มหาศาลที่ลอยอยู่ในอากาศ…ใครคว้าได้ก่อน ก็รวยก่อน…นี่เอง ทำให้ธุรกิจความงามวันนี้ ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้การควบคุม เกิดผู้ประกอบการธุรกิจหน้าใหม่ ที่เห็นแก่ได้อย่างที่เป็นข่าว ขณะที่ผู้ประกอบการที่ดี ก็ตกกะไดพลอยโจรไปด้วย สิ่งที่ทำให้นักธุรกิจหน้าใหม่ ได้กำรี้กำไรมหาศาล เป็นเพราะเขาเห็นช่องทางการตลาด ที่หากดูจะว่าง่าย ก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วย แต่หากจะว่ายาก ก็เรียกว่ายากเย็นเข็ญใจเหมือนกัน ช่องทางทำการตลาดที่ว่านี้ก็คือ การโฆษณาออนไลน์ ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า กระแสออนไลน์ก็แรงสุดๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้กระแสไปได้เร็วขึ้น แต่หากจะให้ฉิว มีคนเข้ามากดไลค์ กดแชร์มากขึ้น ก็แค่หา “เน็ตไอดอล” (ที่วันนี้ก็เป็น “เน็ตไอเน่า” กันก็เยอะ) หรือใช้ดาราหน้าสวย หน้าหล่อ มาทำรีวิว อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงของเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมไร้คุณภาพ แค่นี้ยอดไลค์ก็วิ่งฉิว เรียกเงินเรียกทองเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย …แต่สุดท้ายแล้วเมื่อถูกจับถูกตรวจค้น ยิ่งพบความจริงถึงความไร้มาตรฐานด้วยแล้ว ก็เสียอนาคต เสียธุรกิจกันไป ยากที่จะกู้คืน แถมยังส่งผลร้ายกับผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าของเครื่องสำอาง บางรายแทนที่จะใช้เครื่องสำอางแล้ว “ปัง!” ก็พังพินาศกันไปเสียเยอะก็มี แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น บางรายกินอาหารเสริมเข้าไปแล้วแทนที่หุ่นจะเช๊ะ! กลับช็อกตาค้าง นอนหลับไม่ตื่นกันไปเลยก็มี
แม้จะดูฉลาดในการมองหาช่องทางการตลาดแต่ก็ไม่ได้เฉลียวเลยแม้แต่น้อย เพราะนั่นจะทำให้เกิดผลร้ายเสียมากกว่า โดยเฉพาะผลร้ายที่ส่งผลถึงผู้บริโภคโดยตรง แล้วแบบนี้ผู้บริโภคควรทำอย่างไรกันดี ?
คำถามแบบนี้ตอบได้ไม่ยากเลย…เพียงแค่ผู้บริโภคมีวิจารณญาณในการเลือกซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ความงาม ที่วันนี้อาจจะไม่ใช่แค่ดูเรื่องของเลขที่และเครื่องหมาย อย. หรือแม้แต่แบรนด์เป็นที่รู้จักและมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใดเท่านั้น แต่วันนี้ยังอาจต้องดูไปถึงสถานที่จัดจำหน่ายเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ความงามนั้นว่าอยู่ในสถานที่เหมาะสม และมีอยู่จริงด้วยหรือไม่ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ที่จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจมากขึ้น
หนึ่งในสถานที่เหมาะสม และดูจะทำให้ธุรกิจเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ความงาม เป็นที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ก็คือห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตหรือซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึง Shop ในพลาซ่า ซึ่งหากธุรกิจเครื่องสำอาง สามารถเข้าไปตั้งอยู่เป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ได้ ก็จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ดีเพราะกว่าที่ทางห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าจะเลือกให้แบรนด์สินค้าใดเข้ามาเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ได้นั้น ก็ต้องมีขั้นตอนคัดกรองแบบละเอียดยิบ ตั้งแต่ชื่อเสียงของแบรนด์ การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ไม่เกินจริง สินค้ามีสถานที่และแหล่งผลิตจริงตรงตามที่แจ้ง (ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ) รวมไปถึงมีการตรวจสอบเครื่องหมาย และเลขที่ อย. ว่าถูกต้องแน่ชัด…ซึ่งไม่ใช่แค่จะทำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์สวย และหล่อ ตามแต่ราคาและคุณภาพของสินค้าเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัยในชีวิตด้วย
อีกหนึ่งรูปแบบที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์เครื่องสำอางได้อย่างดีก็คือ “ร้านสะดวกซื้อความงาม” หรือ “ซุปเปอร์มาร์เก็ตความงาม” แบบ Stand Alone เพราะที่นี่จะรวบรวมเครื่องสำอางแบรนด์ดังทั้งในประเทศและต่างประเทศ มากมายมาไว้ในที่เดียวกัน เรียกว่า มาที่เดียว ได้ครบทุกความงาม หรือจะเป็น ร้านค้าที่รวบรวมเฉพาะเครื่องสำอางขายตรงแบรนด์ดังในประเทศ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ลูกค้าไม่ต้องเปิดหนังสือแล้วสั่งซื้อทางไปรษณีย์ หรือ ทางออนไลน์ให้เสียเวลา แถมลูกค้าที่มาเลือกซื้อก็ยังได้ลองสินค้าได้ด้วยตัวเอง ว่าตรงกับสิ่งที่คิดไว้หรือไม่ ไม่ต้องมะโนให้เปลืองสมอง และดีไปกว่านั้น หากไม่เข้าใจหรือเลือกเครื่องสำอางชิ้นไหนไม่ถูกเขาก็มีเจ้าหน้าที่แนะนำสินค้าคอยให้บริการ …เลือกลองกันอย่างสบายใจ จนกว่าจะพอใจ…ซื้อก็ง่าย ขายก็คล่อง ทั้งลูกค้า ทั้งผู้ประกอบการ
ยิ่งวันนี้ ธุรกิจความงาม ถูกเพ่งเล็งจากสังคมจนดูจะกลายเป็น “ผู้ร้าย” ในสายตาของคนนับล้านไปแล้ว การทำธุรกิจความงามก็ยิ่งจำเป็นต้องมีความละเอียดและรอบคอบมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเพราะไม่ใช่แค่จะเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้กลับมาใช้สินค้าที่มีมาตรฐานจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้ชื่อเสียงของคนที่ทำธุรกิจด้านความงาม และยังจะเป็นแรงผลักดันสำคัญ ที่จะทำให้แบรนด์สินค้าเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ที่เป็นแบรนด์ของคนไทยก้าวออกมายืนอยู่แถวหน้า ทัดเทียมแบรนด์เครื่องสำอางต่างประเทศ และยังเป็นการสนับสนุนให้คนไทยคิด และผลิตสินค้าคุณภาพดียิ่งขึ้น
เพราะในธุรกิจความงามในวันนี้ “ใครทำของดีมีคุณภาพ และทำอย่างถูกวิธี” รับประกันได้เลยทันทีว่า ต้องรวย รวย รวย แน่นอน
