‘เกด – เกสรา ติยานันทิ’ อีกหนึ่ง CEO สาวสวย… ควบ 2 ธุรกิจ ‘Kety Smile’ วางเป้าหมาย พร้อมปั้นทั้งสกินแคร์ และเสื้อผ้า ให้ปัง!

‘เกด – เกสรา ติยานันทิ’  อีกหนึ่ง CEO สาวสวย…

ควบ 2 ธุรกิจ ‘Kety Smile’ วางเป้าหมาย พร้อมปั้นทั้งสกินแคร์ และเสื้อผ้า ให้ปัง!!

“ตอนนี้ Ketysmile ก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว เราภูมิใจกับธุรกิจของเรา จุดขายของแบรนด์เราที่ทำให้เราอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้คือ คุณภาพการตัดเย็บ ลูกค้าเราจะรู้เลยว่าถ้าเป็นงานของ Kety Smile ซื้อไปแล้วใส่ได้แน่นอน สินค้าเรามีมาตรฐาน จึงทำให้แบรนด์เราในตอนนี้มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง เสื้อผ้าของ Kety Smile ได้ลงนิตยสารต่างๆมากมาย จนมาถึงยุคที่สื่อโซเชียลเข้ามามีบทบาทเราก็เริ่มจ้างนางแบบมาถ่าย โดยนำภาพไปโฆษณาผ่านทางเพจ Facebook เราไม่เคยหยุดนิ่ง เราพัฒนาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ เราจะมีแบบใหม่ๆ ออกมาให้ลูกค้าของเราได้ทุกสัปดาห์ แต่ยอมรับว่าตลาดนี้คู่แข่งขันค่อนข้างสูง แต่เราไม่เคยคิดว่าเป็นอุปสรรค เรากลับคิดว่าดีซะอีกที่ตลาดที่มีคู่แข่งเยอะมันจะทำให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสุดท้ายแล้วลูกค้าจะเป็นคนตัดสินใจ ว่าคุณภาพของแบรนด์ไหนจะได้เข้าไปอยู่ในใจของเค้า ซึ่ง Ketysmile เองก็ถือว่าเราพิสูจน์ตรงนี้ผ่านแล้ว เราอยู่ตรงนี้มา 8 ปีแล้วเรามั่นใจว่าเราตอบโจทย์ลูกค้าของเราได้เป็นอย่างดี”

 

พื้นเพเกดเป็นเด็กบ้านนอก  แถมยังตัวดำ (หัวเราะ) เกิดที่ ต.หนองกรด อ.บรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์พ่อทำไร่อ้อย แม่ทำนา ทุกสิ่งเราเรียนรู้จากพ่อแม่ ท่านทั้งสองอดทนมาก แม่จะบอกเสมอเลยว่า ลูกต้องเรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนแม่ ตั้งแต่นั้นเราคิดตลอดเวลาเลยว่า เราจะต้องมีธุรกิจของตัวเองให้ได้ หลังจากเรียนจบ เราไม่เคยทำงานออฟฟิศเลย เคยไปสมัครนะ แต่รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ตัวเรา เราอยากทำธุรกิจมากกว่า เราชอบขายของ เราอยากขายของ หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวจากการรับเสื้อผ้ามาขาย โดยช่วงที่เริ่มขายเสื้อผ้านั้น เริ่มต้นจากการเปิดท้ายออฟฟิศที่ทำงานประจำขายของ ซึ่งต้องไปตั้งราวเหล็กขายตอนกลางวัน โดยที่ออฟฟิศจะให้เราขายแค่ช่วงพักเที่ยง ซึ่งก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือบางทีขายได้ตัวเดียวก็มี แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ดีใจ เราขายไปเรื่อยๆ จนไปเจอทำเลที่หนึ่งในเมเจอร์ซินิเพล็กซ์ สาขา รัชโยธิน เปิดทำเลท้ายซอยพิเศษให้จอง ก็มีโอกาสได้ไปขายที่นั่นโดยเราใช้ชื่อร้านว่า “Kety Smile” ตั้งแต่เริ่มแรก  ซึ่งก็ขายดีขึ้นกว่าเดิม เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีดารามาเปิดท้ายขายของเหมือนกัน ทำให้คนก็เดินเยอะขึ้น และในขณะนั้นเอง ร้านเราเป็นร้านเดียวที่ขายชุดทำงานตรงนั้น ก็เลยทำให้มีคนเดินเข้ามาที่ร้านเยอะเหมือนกัน

เรารับเสื้อผ้ามาขายทุกวัน จนมีความรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรสวยแล้ว รูปแบบของเสื้อผ้าก็มีแต่อะไรเดิมๆ อีกทั้งตอนนี้คุณภาพก็ไม่ได้ตรงกับที่อยากได้ จนในที่สุดจึงเกิดความคิดที่จะออกแบบเสื้อผ้า และตัดเย็บเอง พอคิดได้แล้วว่าควรทำอย่างไร เราก็ลงมือทำเลย เริ่มจากไปหาซื้อผ้า ออกแบบ เริ่มตัดเย็บเอง ทำทุกอย่างเองโดยที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เพราะเราอยากควบคุมคุณภาพของสินค้า และควบคุมราคาต้นทุนได้ ซึ่งกลับกลายเป็นว่า เสื้อผ้าที่เราออกแบบและผลิตออกมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการร้านเราจะเป็นพวกลูกค้าที่ทำงานออฟฟิศ ครูอาจารย์ หรือหมอ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นดารามาใช้บริการที่ร้านเราบ้างเหมือนกัน ซึ่งทุกคนที่มาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เสื้อผ้าร้นเราคุณภาพดี และก็ไปบอกต่อคนอื่นเรื่อยๆ จนถึงกับมีสำนักข่าวมาติดต่อที่ร้านเราให้ไปเป็นสปอนเซอร์ชุดผู้ประกาศข่าวเลยก็มี

 

ต่อมาเราได้ไปเซ้งร้านที่จตุจักร ซึ่งร้านของเราที่จตุจักรเป็นร้านขายส่งเปิดกลางคืนถึงเช้า โดยเพื่อจะทำเป็นร้านขายส่งเสื้อผ้าของแบรนด์เรา โดยที่ตอนนั้นก็เหมือนเดิม คือไม่มีประสบการณ์ในการทำอะไรแบบนี้เลย ซึ่งเอาจริงๆ เสื้อผ้าบางตัวที่ผลิตออกมาก็ขายไม่ได้นะ เพราะเสื้อผ้าแต่ละประเภท แต่ละสไตล์ มันก็จะมีกลุ่มลูกค้าของมันเอง จำได้เลยว่าวันนั้นไปนั่งขายกลางคืนถึงเช้า ขายได้ 3 ตัว ซึ่งร้านตรงข้ามขายดีมาก แต่เราก็ไม่ท้อนะ เราพยายามทำไปเรื่อยๆ และหมั่นพัฒนาคุณภาพของเสื้อผ้าของเราไปเรื่อยตลอดเวลา จนขายดีขึ้นกว่าเดิม จึงได้ย้ายร้านไปเป็นล็อคหัวมุม ซึ่งทำเลตรงนั้นเป็นทำเลที่ดี จากนั้นเราก็ได้ขยายสาขาไปที่แพลตตินัม ประตูน้ำ ก็เลยได้ลูกค้าชาวสิงคโปร์ และมาเลเซียเพิ่มขึ้นด้วย

นอกจากที่เราทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าแล้ว ตอนนี้เราก็ได้ทำธุรกิจในส่วนของสกินแคร์ในชื่อแบรนด์เดียวกัน เหตุผลที่หันมาจับธุรกิจนี้ก็เพราะด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบแต่งหน้า แต่ว่าใช้ผลิตภัณฑ์อะไร ก็แพ้ไปหมด เลยอยากจะหาครีมที่ช่วยแก้ปัญหาของตัวเองได้ อีกทั้งตัวเราเป็นคนผิวแพ้ง่าย เนื่องจากที่เราผลิตเสื้อผ้าก็อาจจะอยู่กับฝุ่นมานาน เลยเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราใช้ครีมอะไรก็แพ้ ผื่นขึ้นเต็มใบหน้าไปหมด พอเรามั่นใจแล้วว่าจะหันมาจับธุรกิจสกินแคร์ควบคู่กับเสื้อผ้าไปด้วย ก็เริ่มลงมือทำอย่างเต็มที่เลย

สำหรับผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวแรกของแบรนด์เราเริ่มจาก Sleeping Mask ใช้มาส์กหน้าก่อนนอนเพื่อให้ความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า โดยส่วนผสมที่ใช้ทั้งหมดนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น แต่นำมาผลิตในเมืองไทย โดยเราใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการวิจัยกว่าที่เราจะได้สูตรนี้มา เพราะเราต้องทำเทสเตอร์ทดลองด้วยตัวเองอยู่ตลอด จนกว่าจะได้สูตรที่มันลงตัว คือเราทดลองกับหน้าตัวเอง ถ้าใช้แล้วเกิดอาการแพ้ เราก็ต้องปรับปรุงสูตรจนให้ตัวเราใช้แล้วไม่แพ้ให้ได้ เพราะถ้าตัวเราใช้ไม่แพ้ ก็มั่นใจได้เลยว่า คนอื่นที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของเราก็จะไม่มีทางแพ้ด้วยเช่นกัน เพราะเราคิดว่าตัวเราเองนั้นเป็นคนที่แพ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวง่ายที่สุดแล้ว

 

 

ผลิตภัณฑ์ตัวที่สองของธุรกิจ Skin care เป็นตัว ครีมกันแดดนาโน ซึ่งจุดขายของครีมกันแดดตัวนี้ คือช่วยป้องกันแสงสีฟ้า (Blue Light) จากโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ เพราะสินค้าชนิดนี้เราเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นพนักงานออฟฟิศ หรือวัยทำงาน แต่จริงๆ ครีมกันแดดก็ใช้ได้กับผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว ช่วงที่ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้ดีมากๆ ลูกค้าที่ซื้อไปก็กลับมาซื้อซ้ำตลอด เพราะสินค้าของเราจะเน้นคุณภาพ ถ้าเปรียบกับเสื้อผ้าก็เหมือนเป็นคุณภาพของการตัดเย็บ แต่ถ้าเป็นธุรกิจเครื่องสำอาง สินค้าของเราแข่งด้วยนวัตกรรมป้องกันแสง Blue Light ที่เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้

เนื่องจากธุรกิจของเราทั้งเสื้อผ้า และ Skin care เป็นรูปแบบธุรกิจที่รับตัวแทนจำหน่ายเหมือนกัน เราก็เลยมีความคิดที่ว่า อยากให้ตัวแทนจำหน่ายของเราทุกคนมีรายได้ที่มั่นคง เพราะส่วนมากคนที่มาทำธุรกิจของเราจะเป็นคนที่มีงานประจำทั้งนั้นเลย เราเลยอยากให้พวกเขามีรายได้เพิ่ม เพื่อพลิกคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นกว่านี้ เพราะว่าตัวแทนจำหน่ายของ Kety Smile ทุกคนเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน และด้วยภาพรวมของธุรกิจเราในตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่า Kety Smile สามารถพลิกคุณภาพชีวิตของตัวแทนได้แน่นอน

 

 

ส่วนตัวมีแนวคิดในการทำธุรกิจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ถ้าเราจะทำอะไรสักอย่าง เราจะมีความมุ่งมั่น มีความพยายาม ในการทำสิ่งนั้นๆ และจะลงมือทำทันที เพราะคิดว่าการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องลงมือทำเลย ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องพยายามที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา โดยส่วนตัวคิดว่าอยากขอบคุณทุกอุปสรรคที่เกิดขึ้น มันทำให้เรามีแรงผลักดันตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทุกอุปสรรคสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้น ถ้าไม่มีอุปสรรค เราจะไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพของตัวเอง พอถึงวันที่เรามีมากพอที่จะได้แบ่งบันให้กับคนอื่น เราก็พร้อมที่จะให้ เพื่อพลิกชีวิตของพวกเขาให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

 

ข้อมูลธุรกิจ

ชื่อธุรกิจ Kety Smile

ประเภทธุรกิจ ธุรกิจเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

รูปแบบธุรกิจ รับตัวแทนจำหน่าย

Tel 094-886-2658, 093 -226 3942

FB Kety Smile Shop (เสื้อผ้า)

FB Ketysmile Plus (เครื่องสำอาง)

LIne ketysmileshop, Ketysmile

 116 total views,  1 views today