‘ม่งนี๋ – ศิริรัตน์ กิจพ่อค้า’จากเด็กดอยตัวเล็กๆ..ที่ชีวิตสุดแสนลำบาก…พลิกชีวิตตัวเอง สู่ CEO ร้อยล้าน สร้าง ‘MANA SKINCARE

  

 

‘ม่งนี๋ – ศิริรัตน์ กิจพ่อค้า’จากเด็กดอยตัวเล็กๆ..ที่ชีวิตสุดแสนลำบาก…พลิกชีวิตตัวเอง สู่ CEO ร้อยล้าน สร้าง ‘MANA SKINCARE’ ขึ้นแท่นผู้นำผลิตภัณฑ์ความงามออนไลน์ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี

“ช่วงแรกในการทำธุรกิจ ม่งไม่รู้จักโลกออนไลน์เลย คือไม่รู้ว่าการขายออนไลน์เป็นแบบไหน ขายได้จริงหรือเปล่า ตัวม่งเริ่มธุรกิจทั้งที่ไม่มีพื้นฐาน หรือไม่รู้เลย เริ่มด้วยทำเพราะความชอบเรื่องความสวยความงาม แต่พอหลังจากทำธุรกิจได้สองเดือน ตัวแทนคนหนึ่งบอกเราว่าเขามีชีวิตที่ดีขึ้น เขามีเงินไปรักษาแม่ที่เป็นมะเร็งจากการมาเป็นตัวแทนกับเรา บางคนบอกว่า จากที่ไม่มีเงินเก็บเลย วันนี้มีเงินจากการขายมานา ส่งให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัดแล้ว จากวันนั้นเราเลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรซักอย่าง เพราะเรารู้สึกว่า นี่แหละ มันคือ “คุณค่าของชีวิตเรา” วันนี้เราอาจจะช่วยพลิกชีวิตตัวแทนได้ 10 คน แต่วันหนึ่งมันต้องมากขึ้น มันต้องเป็น 100 เป็น 1,000 และเป็น 10,000 ชีวิตอย่างแน่นอน พอเราเริ่มมีเป้าหมายที่ชัดเจน เราก็อยากจะทำมันให้เต็มที่ มันเลยกลายเป็นว่า ถึงจะมีปัญหา หรืออุปสรรคอะไรก็ตาม เราก็จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ “ไม่มีอะไร ที่ใหญ่เกินกว่าใจเรา” ตอนนี้ “MANA SKINCARE” มีตัวแทนจำหน่ายกว่าหมื่นคน ซึ่งทุกคนเริ่มจากขายไม่เป็น ไม่มีทุน โตมาจากการขาย 1 กระปุก จนทุกวันนี้แต่ละคนขายได้เป็นหมื่นกระปุกแล้วค่ะ พลิกชีวิตกันเยอะมากๆ บางคนได้รถสปอร์ตในฝัน บางคนได้บ้านในฝันให้พ่อกับแม่ บางคนส่งลูกให้เรียนในโรงเรียนดีๆได้ ด้วยการขาย MANA ในเวลาไม่ถึงปี และนี่แหละที่ทุกคนเรียกมันว่า #มานาพลิกชีวิต”

พื้นเพม่งเป็นคนจังหวัดเชียงราย คุณพ่อกับคุณแม่เป็นคนจีนอาศัยอยู่บนดอยในชนเผ่าลาหู่ตั้งแต่ก่อนที่ม่งจะเกิด ท่านทั้งสองเป็นครูสอนศาสนาให้กับชาวบ้านในชนเผ่าที่นั่นได้เงินเดือนเพียง 4,000 บาท ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเงินจำนวนนี้แทบไม่พอค่าใช้จ่ายของทั้งครอบครัวที่ทั้ง พ่อ แม่ ตัวม่งเอง และก็น้องชาย ชีวิตม่งในตอนนั้นไม่รู้เลยว่าความรวยความจนมันเป็นอย่างไร เพราะตอนที่เราอยู่บนดอยนั้นก็ไม่มีอะไรเลย ไฟฟ้าก็ไม่มีใช้ ถนนก็เป็นทางลูกรัง มองไปรอบๆ ตัวก็เจอแต่ต้นไม้ ภูเขา พืชสวน ไร่นา ของชาวบ้านบนดอย ม่งได้สัมผัสชีวิตบนดอยประมาณ 5 ปี คุณพ่อคุณแม่ก็เห็นว่าเราโตแล้ว แถมยังมีน้องชายอีก ก็เลยได้มีโอกาสย้ายลงไปอยู่บนตีนดอย คุณพ่อกับคุณแม่เลยเกิดความคิดที่ว่า อยากให้เราได้เรียนโรงเรียนที่ดีๆ ท่านเลยไปสมัครเป็นครูสอนภาษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ม่งเลยได้สิทธิเรียนฟรีที่โรงเรียนนั้นเลย ซึ่งทั้งคุณพ่อ คุณแม่ก็สามารถส่งเสียม่งจนเรียนจบมหาวิทยาลัยได้

ม่งเรียนจบคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และได้เข้าทำงานเกี่ยวกับที่ปรึกษาการเงินของสถาบันแห่งหนึ่ง โดยหน้าที่หลักๆ คือ ช่วยคนที่มีเงินอยู่แล้ว บริหารพอร์ตว่าจะต้องลงทุนอะไรบ้าง ซื้อหุ้นอะไร หรือหุ้นตัวไหนดี ซึ่งง่ายๆ ก็คือเป็นหน้าที่ทั้งหมดที่เกี่ยวกับการเงิน และด้วยที่ตัวม่งเองเป็นคนที่ชอบเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว มันก็เลยเป็นการจับพลัดจับผลูให้เราเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับสกินแคร์ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าทำการเงินก็ดีอยู่แล้ว เราก็ประสบความสำเร็จในระดับนึง แต่ตอนนั้น สิ่งที่แว๊บเข้ามาในหัวเราคือ เรารู้สึกว่าผลิตภัณฑ์สกินแคร์สำหรับคนไม่แพ้นั้นหายากมาก เพราะด้วยที่ตัวเราเองเป็นคนแพ้ผลิตภัณฑ์พวกนี้ง่าย ม่งเลยคิดว่าถ้ามีผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เราทำออกมาเพื่อตัวเอง ให้แก้ปัญหาของตัวม่งเองได้ ผลิตภัณฑ์พวกนี้ก็น่าจะช่วยคนที่เจอปัญหาเหมือนกับตัวเราได้เหมือนกัน คือแพ้ง่าย ใช้อะไรก็แพ้ไปหมด

 

เราเริ่มขายผลิตภัณฑ์ของ “MANA SKINCARE” ผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค เปิดเพจโฆษณาผ่านทางเฟสบุ๊ค และก็มีคนมาสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายกันมาก ตอนนั้นแค่คิดว่าขายเล่นๆ ขายได้ก็ดี ขายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร สินค้ามันดี เราจะเก็บไว้ใช้เอง แต่จุดเปลี่ยนคือจังหวะที่มีคนมาสมัครตัวแทนกับเรา และทุกคนต่างก็บอกขอบคุณเราว่าชีวิตเขาดีขึ้นจากการขาย “MANA SKINCARE” จากจุดนั้นเลยทำให้เราเปลี่ยนความคิด เราขนลุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเรารู้สึกสะเทือนมากๆ ตอนนั้นเราบอกกับตัวเองว่า นี่แหละ มันคือ “คุณค่าของชีวิตเรา” วันนี้สิ่งที่เราต้องการคือ “ทำอย่างไรให้พลิกชีวิตตัวแทนเราให้ได้” นี่คือโจทย์ที่สำคัญของเรา ซึ่งธุรกิจ “MANA SKINCARE” จะไม่ใช่แค่การขายสินค้าออนไลน์ทั่วไป แต่เราต้องการให้ตัวแทนทุกคนประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดีขึ้น

สำหรับแบรนด์ “MANA SKINCARE” ของเรามีจุดเด่นตั้งแต่ตัวสินค้าคุณภาพระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ อย่างเช่น มาส์กข้าวสาเกญี่ปุ่น เรานำเข้าสารสกัดที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราเป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในประเทศไทย โดยเป้าหมายหลักๆ ของเรากับสินค้าทุกตัว คือต้องการให้เป็นสินค้าที่ใช้แล้วเห็นผลชัดเจนที่สุด เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ช่วยแก้ปัญหาทุกสภาพผิวหน้าในราคาที่คนไทยจับต้องได้ และอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่า แบรนด์ของเราแตกต่างกว่าเจ้าอื่นคือ ธุรกิจของเราไม่ใช่สินค้าออนไลน์ที่ซื้อมาแล้วขายไปอย่างเดียว แต่เราต้องการให้ตัวแทนทุกคนที่เข้ามาในเป็นครอบครัวเดียวกันกับ “MANA SKINCARE”  ให้พลิกชีวิตตัวเอง และครอบครัวให้ดีขึ้นได้

ผลิตภัณฑ์ของ “MANA SKINCARE” ตอนนี้ก็มี มาร์กข้าวสาเกญี่ปุ่น ราคา 390 บาท เป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกของเรา ซึ่งเราเป็นเจ้าแรก และเจ้าเดียวในไทยที่ทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์เกี่ยวกับข้าวสาเกญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์ตัวถัดมาคือ บอดี้เซรั่ม สำหรับใช้บำรุงตอนกลางคืน ราคา 390 บาท ตัวถัดมาจะเป็นตัว CC ใช้บำรุงตอนกลางวัน เพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ราคา 390 บาท และตัวสุดท้าย คือ สบู่ข้าวสาเกดีท็อกซ์ ราคา 250 บาท ซึ่งทุกครั้งเราจะมีการสอนเทรนนิ่งอยู่ตลอดว่า ผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะต้องขายแบบไหน สำหรับคนที่ขายไม่เป็น หรือไม่เคยขาย ทำยังไงให้ขายได้คนที่ไม่มีทุน ทำยังไง ให้ต่อยอดได้จากรายได้หลักร้อย เป็นหลักล้าน ในเวลาไม่ถึงปี

จริงๆ ตลาดผลิตภัณฑ์ความงามเป็นตลาดที่ใหญ่มาก แต่ละแบรนด์ก็มีจุดยืนที่แตกต่างกัน “MANA SKINCARE” จะไม่ใช่สกินแคร์ที่เป็นสกินแคร์ออนไลน์ทั่วไป แต่เราต้องการพลิกชีวิตตัวแทนจำหน่ายทุกคนให้ดีขึ้นกว่าเดิม เราก็เลยรู้สึกว่าจุดนี้เป็นจุดยืนของเรา ที่เราทำด้วยความรัก เหมือนสิ่งนี้เป็นเป้าหมายหลักในธุรกิจมากกว่าตัวเงินที่ได้จาการขาย ส่วนเรื่องการตลาด เราก็มีการวางแผนการตลาดตลอดทุกเดือน แต่ทีนี้สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกว่า “MANA SKINCARE” แตกต่างกว่าแบรนด์อื่น คือทุกครั้งที่เราทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ยอดขายของเราจะต้องผ่านตัวแทนจำหน่ายทั้งหมด เราจะไม่มีการติดต่อขายผ่านช่องทางอื่น หรือการติดต่อผ่านดีลเลอร์รายใหญ่  ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างรายได้ให้ตัวแทนจำหน่ายอย่างแท้จริง “MANA จะไม่ขายแข่งตัวแทน”

 

เป้าหมายของ “MANA SKINCARE” เรามองไว้ยาวมาก เราจะทำให้มานาพลิกชีวิตตัวแทนจำหน่ายทุกคนอย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่การขายออนไลน์ที่เป็นกระแสในยุคปัจจุบัน แต่ “MANA SKINCARE” จะเป็นบ้านให้ตัวแทนอยู่อย่างมั่นคง ยั่งยืน ส่วนของผลิตภัณฑ์ อนาคตเราก็กำลังวางแผนไว้ว่าจะทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เพิ่มเรื่อยๆ เพราะว่า ผลิตภัณฑ์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถทำให้ตัวแทนจำหน่ายของ “MANA SKINCARE” ทุกคนประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นไปอีกได้

ผู้หญิงไทยส่วนใหญ่มักจะมองว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่มีความสามารถ ตัวเองทำให้พ่อกับแม่สบายไม่ได้ ทำให้ครอบครัวตัวเองสบายไม่ได้ ถ้าวันนี้คุณไม่รู้ ถ้าวันนี้คุณไม่มั่นใจ MANA จะบอกคุณเอง และเราสัญญา จะพลิกชีวิตตัวแทน MANA ทุกคนให้ได้

 

ม่งเชื่อว่าพียงระยะเวลาไม่ถึงปี…ชีวิตของคุณเปลี่ยนแน่นอน เพราะเรามีตัวอย่างความสำเร็จของตัวแทนจำหน่าย “MANA SKINCARE” ให้เห็นอยู่แล้ว ถ้าวันนี้คุณรู้สึกว่าคนข้างหลังยังรออยู่ ชีวิตยังต้องดีกว่านี้ให้ได้ ชีวิตคนที่คุณรักต้องดีกว่านี้ เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับ “MANA SKINCARE” เราพร้อมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นแน่นอน


ข้อมูลธุรกิจ

ชื่อธุรกิจ : MANA SKINCARE
รูปแบบธุรกิจ : ตัวแทนจำหน่าย
ประเภทธุรกิจ : เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงาม
Tel 081-884-2911
FB @manaskincare