‘อุ้ม – ดวงทิพย์ ปานรักษา’ CEO สาวสวย ดีกรี ป.โท 2 ใบ ปั้น ‘ACARE COSMETIC’สู่ธุรกิจร้อยล้าน!!…ในเวลาไม่ถึง 4 ปี

        ‘อุ้ม – ดวงทิพย์ ปานรักษา’ CEO สาวสวย ดีกรี ป.โท 2 ใบ ปั้น ‘ACARE COSMETIC’สู่ธุรกิจร้อยล้าน!!…ในเวลาไม่ถึง 4 ปีนักวิจัยเคมีเครื่องสำอาง ผู้ผลิตเครื่องสำอาง ที่มีคุณภาพระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ ให้ออกมาอยู่ในราคาหลักร้อย ทุกคนเข้าถึงได้

“ธุรกิจทุกอย่าง ล้วนต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในตัวงานให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะลดความเสี่ยง และลดการถูกเอาเปรียบในหลายๆ ด้าน รวมทั้งต้องมีการวางแผนที่ดี สำหรับแบรนด์ “ACARE COSMETIC” เราจะยึดจรรยาบรรณเป็นที่หนึ่ง สินค้าเราปลอดภัย ไม่มีสารอันตราย ใช้แล้วผิวดีระยะยาว ตั้งแต่เริ่มทำแบรนด์เราคิดจุดยืนไว้เลยว่า สินค้าเราต้องปลอดภัยมาก่อน ใช้เห็นผลดีระยะยาว เน้นให้ลูกค้าผิวดีแบบยั่งยืน ถึงแม้ว่าการเห็นผลจะไม่ได้อยู่ในระดับที่เร็วมากนัก แต่เรานำเสนอลูกค้าถึงความปลอดภัย ทำให้ลูกค้าเข้าใจ และเปิดใจใช้สินค้าเรา รวมถึงเน้นบริการหลังการขายที่ดี เราเน้นดูแลเคสต่อเคส แนะนำให้คำปรึกษาตามสภาพผิวส่วนบุคคล ใช้ตามที่เหมาะสม ตามลำดับขั้นตอน”

คุณอุ้มเล่าว่า “พื้นเพอุ้มเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา เรียนที่นั่นตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งแต่ไหนแต่ไรเลย ตัวเองเป็นคนเรียนไม่เก่ง บวกกับหน้าตาที่ไม่สวยด้วย ตัวดำมาก จึงทำให้ใครๆ ก็ล้อว่า “อีดำ” (หัวเราะ) แต่ด้วยความพยายามเราก็ดันตัวเองจนเรียนไปเรียนปริญญาตรีได้ในที่สุด พอหลังจากจบปริญญาตรีก็เกิดความคิดที่อยากจะศึกษาต่อปริญญาโท เลยมองหาคณะที่น่าสนใจ จึงมาเจอกับสำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ของสถาบันแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ จึงตัดสินใจสอบเข้ามาศึกษาต่อปริญญาโทที่นั่น ระหว่างเรียนนั้นทำงานไปด้วย หลังจากจบปริญญาโทใบแรก จึงกลับมาที่จังหวัดนครราชสีมาบ้านเกิดเพื่อมาสร้างแล็บผลิตเครื่องสำอาง พร้อมลุยงานทำแบรนด์ของตนเองและได้ศึกษาปริญญาโทสาขาบริหารอีกใบไปด้วย”

“อุ้มทำแบรนด์ ACARE COSMETIC ตั้งแต่ปี 2556 รวมระยะเวลาก็กว่าสี่ปีแล้ว โดยใช้ที่ดินข้างบ้านเพื่อทำเป็นแล็บผลิตของเราเอง เริ่มจากการก่อสร้างแล็บ ซึ่งต้องมีความถูกต้องตามหลักของสาธารณสุขทุกอย่าง เพราะต้องมีการมาตรวจมาตรฐาน ตอนนั้นเงินทุนขอยืมคุณแม่มาก้อนหนึ่งเพื่อลงทุน เราดูเองทำเองทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่ควบคุมการสร้าง ดูแลความถูกต้อง พร้อมทั้งเช็คเรื่องกับทางสาธารณสุขถึงความถูกต้องของห้องแล็บ หลังจากสถานที่ประกอบการเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเราเริ่มคิดค้นสูตรสินค้าตัวแรกๆ ของแบรนด์ ที่เป็นครีมหน้าใส และครีมแต้มฝ้า ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดเกือบ 1 ปี กว่าจะได้สูตรที่ลงตัว จากนั้นก็ได้นำไปแจกให้คนเทสและเก็บผลการทดลอง ปรากฏว่ากว่า 95% ได้ผลพึงพอใจ ฝ้าจางลงอย่างปลอดภัย เราจึงได้ตัดสินใจเริ่มผลิตสินค้าสองตัวแรกออกจำหน่าย”

 

 

“เมื่อมีสินค้าแล้ว ความยากในลำดับต่อมาคือการขาย การขายหัวใจก็คือการตลาด สินค้าจะเดินไปได้ต้องมีการตลาดที่ดี ถึงบางคนจะบอกว่า สินค้าดียังไงก็ขายได้ แต่เราไม่เชื่อ เราเชื่อว่าสินค้าดีคือส่วนหนึ่งแต่ส่วนสำคัญมากคือการตลาด ที่จะทำให้คนรู้จักสินค้าเรามากขึ้น จึงได้เริ่มลองทำเฟสบุ๊คแฟนเพจ ตั้งแต่ปลายปี 2556 คือตอนแรกเราทำไว้รอเลย และเอาไว้อัพเดทข้อมูลบิวตี้ความงาม ทริคดูแลผิว และจากนั้นก็อัพเดทเรื่องความงามมาเรื่อยๆจนถึงช่วงกลางปี 2557 ตอนที่สินค้าเราผลิต และเริ่มขาย เราก็เดินหน้าเต็มที่เลยกับการขายทางเพจเฟสบุ๊ค เพราะเราเห็นว่าเฟสบุ๊คตอนนั้นคือสื่อโซเชียลมาแรงที่คนไทยใช้เยอะที่สุด”

“ตอนแรกอุ้มมีความคิดที่อยากทำโฆษณาผ่านทางเฟสบุ๊ค ซึ่งตัวอุ้มเองก็ไม่ได้มีความรู้ในด้านนี้ อุ้มอาศัยการอ่านจากในอินเตอร์เนตอย่างเดียว ลองผิดถูกเองสูญเงินไปเป็นแสนกว่าจะจับทางถูกว่าต้องยิงแอดโฆษณาทางเฟสบุ๊คอย่างไรให้ได้ผลดี รวมถึงเทสกลุ่มเป้าหมาย ประสิทธิภาพการเข้าถึง ซึ่งทุกอย่างที่ว่ามานี้อุ้มทำเอง ลุยเอง ลองเองหมดทุกอย่างโดยที่อาศัยศึกษาจากอาจารย์ google ล้วนๆ จึงพูดได้เต็มปากเลยว่า แบรนด์เอแคร์เกิดมาจากการใช้โซเชียลมีเดียจริงๆ”

 

“เมื่อเราทำออนไลน์แล้ว ก็ต้องมีสื่อทางออฟไลน์ด้วย ในปลายปี 2557 เราจึง ได้สร้างออฟฟิต & หน้าร้าน ที่ซอยสำเพ็งโคราช ตอนนั้นบูมขึ้นเหมือนจุดพลุ ปกติลูกค้าเจอเราแต่ในเฟสบุ๊ค พอมีหน้าร้านลูกค้าไหลมาเทมา เข้ามาเพื่อชมสินค้าปรึกษาผิวกับเราโดยตรง บางคนมาจากทางไกล จากต่างจังหวัด เราดีใจและภูมิใจมากๆที่ทำให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักในท้องถิ่น และภาคอีสานได้”

“ต่อมาเราเริ่มรับตัวแทนจำหน่ายตั้งแต่ปี 2558 มีกลุ่มลูกค้ามากมายที่ใช้สินค้าแล้วชอบ พึงพอใจ สนใจขายและเป็นตัวแทนเพื่อที่จะส่งต่อสิ่งดีๆ พร้อมกับการสร้างรายได้ ระบบตัวแทนของแบรนด์จะอยู่กันแบบครอบครัว ราคาส่งกำไรดีมีกลุ่มดูแลโดยแม่ทีม และเจ้าของแบรนด์ เมื่อตัวแทนมีเคสของลูกค้าที่ประสบปัญหาแบบไหน ก็จะส่งมาปรึกษา เราก็จะตอบให้ทุกๆ รายเราจึงเหมือนได้ดูแลลูกค้า และตัวแทนไปในตัวด้วย”

“อุ้มเชื่อมาตั้งแต่แรกเสมอว่า การทำธุรกิจย่อมมีความเสี่ยง แต่เราจะเสี่ยงน้อยที่สุด ถ้าเรามีความรู้ มีทักษะด้วยตัวเองเป็นหลัก เราต้องรู้งาน มีทักษะในงานที่ทำ เหตุนี้จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ต้องเรียนต่อเฉพาะด้านวิจัยเครื่องสำอาง เพราะเราอยากรู้ลึกรู้ละเอียดด้วยตนเอง จึงจะสามารถต่อยอดเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีได้ และต้องพึ่งคนอื่นให้น้อยที่สุด จ้างให้น้อยที่สุด อะไรทำเองได้ทำ เพื่อเป็นการลดต้นทุนสินค้า เมื่อต้นทุนสินค้าลดลงเราก็จะสามารถขายในราคาที่ย่อมเยาได้ เพื่อให้ทุกคนซื้อง่ายเข้าถึงง่าย ดั่งความตั้งใจของแบรนด์ที่คิดไว้ตั้งแต่แรก”

 

“ธุรกิจของอุ้มในตอนนี้ ค่อนข้างที่จะลงตัวดี สินค้าที่ออกมาใหม่ก็ได้รับการตอบรับดี เรามีฐานตัวแทนที่ค่อนข้างแน่น และมีระบบการดูแลที่ดี ดูแลแบบครอบครัว ทั้งทางด้านซัพพอร์ตการขาย ดูแลตัวแทน สอนเทคนิคต่างๆให้ตัวแทน และล่าสุดเรามีสินค้าตัวใหม่ออกมาในปี 2017 นี้ เป็นสินค้านวัตกรรมสบู่มูสมาร์ค ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีมากสำหรับอุ้มทุกวันนี้ภูมิใจมากที่สร้างแบรนด์จนมั่นคง ก่อเกิดรายได้ให้ตัวแทนจำหน่าย ให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

คุณอุ้มฝากทิ้งท้ายว่า …“อุ้มคิดอยู่เสมอว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จได้ด้วยการนั่งเฉยๆ และไม่มีใครบรรลุเป้าหมายได้โดยปราศจากการวางแผน ชีวิตต้องมีแพลน ตื่นมาในทุกวัน คุณต้องถามตัวเองว่า วันนี้ฉันจะทำอะไร มีเป้าหมายอย่างไร ต้องเสร็จวันนี้ไหม ถ้าเป้าหมายคุณชัดเจน คุณยิ่งเข้าใจความสำเร็จมากยิ่งขึ้น…”


ข้อมูลธุรกิจ

ชื่อธุรกิจ : ACARE COSMETIC (เอแคร์คอสเมติก)

ประเภทธุรกิจ : ธุรกิจเวชสำอางความงาม

Tel : 089-7132111

Line : @ac11 หรือ acare11

FB : ACARE Cosmetic

IG : acare_official เจ้าของแบรนด์