Theme Destination ยืนหยัดได้ สายป่านตลาดต้องยาว และต่อเนื่อง

Theme Destination ยืนหยัดได้ สายป่านตลาดต้องยาว และต่อเนื่อง

          เขียนถึงแนวทางการทำตลาดมาระยะหนึ่ง ก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า สิ่งหนึ่งที่เกือบมองข้ามไป คือ รูปแบบของ Theme Destination ที่เป็นหนึ่งในรูปแบบ Mall ที่มีความหลากหลาย นอกจากการเป็นศูนย์การค้าใหญ่ ที่เกิดขึ้นบนทำเลรอบกรุง และปริมณฑล หรือแม้แต่หัวเมืองใหญ่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว แล้วก็ยังมี Mall อีกรูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นเสมือนสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนทำให้ใครหลายคน ไม่รู้เลยว่านี่คืออีกรูปแบบหนึ่งของ Mall

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียน ได้เดินทางไปประชุมสัมมนา ที่เมืองท่องเที่ยวชายทะเลของประเทศไทย และได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชม Theme Destination แห่งหนึ่ง ซึ่งเคยโด่งดังเมื่อ 4-5 ปีก่อน…เพราะถ้าเอ่ยชื่อปุ๊บ! ทุกคนจะต้อง อ๋อ! ทันที…เรียกได้ว่า ตอนนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวไทย หรือ ต่างชาติ ไม่รู้จักแน่นอน ถือเป็น Landmark ของจังหวัดท่องเที่ยวแห่งนี้ก็ว่าได้

ด้วยธีมที่มีความแปลกใหม่ ออกแบบย้อนวันวาน ย้อนอดีต แถมมีของให้เลือกซื้อ เลือกชิม ที่ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ก็ทำให้นักท่องเที่ยวที่มา เริ่ม “แชร์โลเคชั่น” รวมถึง “เช็คอิน” และ “เซลฟี่” ผ่านโลกโซเชียลมากขึ้น ให้ผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย ต่างให้ความสนใจ พากันมาท่องเที่ยว…ยิ่งคนเยอะ มากขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมที่เปิดให้เข้าฟรี ก็กลับเป็นว่า เริ่มมีการเก็บค่าผ่านประตู ค่าจอดรถ ตามมา โกยรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ…เพราะใครๆ ก็อยากเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร

ทว่า เมื่อเวลาเปลี่ยนไป Theme Destination คู่แข่ง ก็เริ่มทยอยเกิดขึ้นตามสถานที่หลายแห่ง หลายจุด ทั้งในเขตเมืองหลวงหรือแม้แต่ ปริมณฑล จนกลายเป็นภาพชินตา ส่งผลให้ความฮอตฮิต ของ Theme Destination ในจังหวัดท่องเที่ยวที่ว่า ค่อยๆ ลดลงอย่างน่าใจหาย (…ตกใจมากกว่า…) เพราะวันที่ผู้เขียนได้มายืนอยู่ที่แห่งนั้น พบว่า มีแต่ความเงียบเหงา ไร้ผู้คนที่เคยยืนเข้าคิวต่อแถวยาวเหยียด ต่างไปจากอดีตเมื่อหลายปีก่อน

นั่นแสดงให้เห็นถึง “สายป่านการตลาด” ที่ผู้เขียนมองว่าไม่ได้สร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสายป่านการตลาดที่ยั่งยืน จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ทำงานด้านนี้จะต้องตระหนักอยู่ตลอด …ไม่ใช่ทำให้ดังแค่ครั้งเดียว แล้วไม่ต้องทำต่อ.. รู้ไหมว่าการกระทำเช่นนี้ คือความคิดที่ผิดพลาด และร้ายแรงที่สุดก็ว่าได้

วิธีสำคัญที่จะทำให้ “สายป่านการตลาด” อยู่ยั้งยืนยงได้ จะต้องเน้นการทำการตลาดแบบสร้างกลไกทางการสื่อสาร ไปพร้อมกับการทำประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง …“ยิ่งดัง ยิ่งต้องทำประชาสัมพันธ์”… ขณะเดียวกัน ก็ยังต้องรู้จักการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงธีมที่จัดขึ้นภายใน Theme Destination ให้เกิดขึ้นเป็นจังหวะ เป็นช่วง รวมถึงต้อง สร้างสรรค์ Event ให้เกิดขึ้นตลอดเวลาเหมือนกัน ถือเป็นการสร้างสีสันให้เกิดขึ้นกับธุรกิจ

หากเป็นไปได้ Theme Destination ที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยว ก็ควรมองหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ อยู่เสมอ ทางที่ดีหากสานสัมพันธ์กับบริษัททัวร์ ที่มีลูกค้านักท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ยิ่งเป็นการดี เพราะนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ถือเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่จะมาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติรู้จัก Theme Destination ได้ดียิ่งขึ้น “เผลอๆ ชื่อของ Theme Mall หรือ Theme Destination อาจจะดังข้ามทวีป อีกนะเออ!”

อีกอย่างที่ผู้เขียนอยากจะฝากไว้กับนักลงทุนทั้งหลายที่กำลังคิดจะสร้าง Theme Destination ว่า ยุคนี้ สมัยนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะมาทำอะไรอย่างนิ่งนอนใจ และคิดเอง เออเอง ว่า สิ่งที่คิดไว้นั้น เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมแล้ว ดีแล้ว เพราะวันนี้ คู่แข่งทางธุรกิจไม่ได้มีแค่ 1 หรือ 2 เจ้า แต่ยังมีคู่แข่งอีกนับไม่ถ้วน ที่พร้อมจะกระโดดลงมาเล่นเกมธุรกิจกันแบบทุ่มสุดตัว นักลงทุน หรือ เจ้าของธุรกิจ จึงจำเป็นที่จะต้อง Update ข้อมูลให้หลากหลายด้านที่เปลี่ยนแปลงกันแบบทุกวินาที รวมถึงยังต้องใช้โลกโซเชียลให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สร้างกระแสในแบบ Above และ Below the Line อย่างจริงจัง และเกิดขึ้นอย่างชัดเจน

เพราะโลกของธุรกิจ วันนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ “สายป่านทางการเงิน” อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องมี “สายป่านการตลาด” ที่จะต้องคิดไป “ข้างหน้า”  ไม่ใช่แค่คิดอยู่แค่ “ตรงหน้า” และต้องก้าวไปข้างหน้า ล้ำหน้า คู่แข่งทางธุรกิจ … นั่น จึงจะทำให้ธุรกิจ รุ่ง และรอดไปตลอดรอดฝั่ง แน่นอน


ผู้เขียน

ดร.สมพล รัชตพิมลชัย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด
อยุธยาซิตี้พาร์ค (Chief Marketing Officer)